วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

NLP

 

หมายเหตุ entry นี้ เป็นหนึ่งใน entry ที่ดองไว้นานมาก เนื่องจากเนื้อหายังไม่ค่อยสมบูรณ์…

คาบเรียน Innovative Thinking ครั้งล่าสุด อ.ธงชัย ไม่ได้สอนอีกแล้ว!! แต่ไม่ได้แปลว่า อ.อู้หรืออย่างไร แต่เป็นเพราะอาจารย์ได้เชิญวิทยากรพิเศษ ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน NLP(???) มาบรรยายในชั้นเรียน นั่นก็คือ คุณชาตรี… (sfx: เสียงปรบมือ)

ก่อนอื่นต้องขอสารภาพก่อนว่าผู้เขียนก็ไม่อาจจะเข้าใจสิ่งที่ได้รับรู้มาได้เต็มร้อย เพราะฉะนั้นกรุณาอย่าเชื่อข้อมูลที่ท่านจะได้รับ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน..

image

NLP หรือ Neuro Linguistic Programming.. เป็นเหมือนภาษาที่ใช้ในการสั่งการจิตใต้สำนักของเรา เพื่อให้มันทำอะไรๆตามที่เราต้องการได้ โดยปกติจะมีกำแพงบางๆกั้นระหว่างจิตสำนึกกับจิตใต้สำนึก บางคนสามารถใช้แรงใจฝ่าข้ามไปได้ แต่ถ้าแรงใจไม่พอก็จะกระเด็นกลับมาใหม่ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีคู่มือที่ใช้ข้ามกำแพงนั้น หรือเรียกเป็นชื่อหรูๆว่า NLP นั่นเอง

อันดับแรก จะกล่าวถึงขั้นตอนการรับรู้ของคนเราก่อน

1.เมื่อได้รับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส สมองเราจะกระทำ 3 สิ่ง ดังต่อไปนี้

ลบทิ้ง เราไม่สามารถรับรู้ข้อมูลทั้งหมดได้ จึงมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่จำเป็นถูกลบทิ้งไป เช่น ถ้ามีคนถามคุณว่า คุณทิ้งน้ำหนักไว้ที่เท้าซ้ายหรือเท้าขวามากกว่ากัน? ก่อนที่จะถูกถามคุณรู้สึกหรือไม่ หรือว่าต้องคิดก่อนถึงจะรู้สึก ทั้งๆที่ข้อมูลพวกนี้ถูกส่งมาให้เราตลอดเวลา

image

ดัดแปลง ข้อมูลบางอย่างเรารับเข้ามาตรงๆเลยไม่ได้ ข้อมูลพวกนี้จะถูกดัดแปลงให้เข้ากับความคิดของเรา ซึ่งบางครั้งอาจทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยนไปจากความจริง

image

และประยุกต์ใช้ ถ้าเราต้องเรียนรู้ใหม่ทุกครั้งที่เจออะไรใหม่คงไม่ดีแน่ เราจึงต้องมีการประยุกต์ใช้จากฐานข้อมูลของเรา ตัวอย่างเช่น ตอนที่เราเห็นแก้วน้ำหน้าตาแปลกๆ เราสามารถรู้ได้ว่ามันคือแก้วน้ำ ทั้งๆที่เราไม่เคยเห็นมันมาก่อน

image

ผ่านทางตัวกรองที่เรียกว่า ความเชื่อ ค่านิยม ศาสนา วัฒนธรรมประเพณี

2.หลังจากรับข้อมูลเข้าสู่สมองแล้ว ข้อมูลเหล่านั้นจะถูกฉายซ้ำอีกทีในสมอง เรียกว่าเป็น ประสบการณ์ภายใน หรือ modality ซึ่งจุดนี้แหละครับ ที่เราจะให้ความสนใจ

ประสบการณ์ภายในจะประกอบด้วยสามส่วน คือ ภาพ (Visual) เสียง (Auditory) และสัมผัส (Kinesthetic) – รวม รส และกลิ่นด้วย ลองนึกถึงเวลาที่เรานึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งในอดีตดู ถ้าเราตั้งใจเพ่งสมาธิกับมัน สิ่งที่รับรู้นั่นแหละคือสิ่งที่เรียกว่า ประสบการณ์ภายใน

image

ก่อนอื่น ขอแนะนำให้รู้จักคำว่า Submodality หมายถึง สิ่งที่ใช้ปรุงแต่งประสบการณ์ภายในของเรา ประสบการณ์ภายในเป็นสิ่งที่เราสามารถปรับแต่งได้

เราสามารถใช้ submodality เพื่อเปลี่ยนประสบการณ์ภายในอย่างหนึ่งให้เป็นอีกอย่างหนึ่งได้ เพื่อปรับนิสัยบางอย่างของเรา เครื่องมือที่ต้องใช้คือสิ่งที่เรียกว่า Submodality Checklist ..อย่าพึ่งตกใจไปครับว่ามันคืออะไร

มาดูตัวอย่างหน้าตาของ Submodality Checklist กันก่อน

image

สำหรับวิธีใช้ก็ไม่ยากเลยครับ ขั้นแรก ให้เลือกนิสัยที่เราชอบทำ อดไม่ได้ที่จะต้องทำอยู่เสมอ ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ดี และเราต้องการจะเลิกนิสัยนั้น เช่น เราชอบกินข้าวขาหมู เห็นเมื่อไหร่เป็นต้องซื้อกิน พยายามจะเลิกกินแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล กับอีกนิสัยหนึ่งที่เราไม่ชอบทำ ทำใจทำไม่ได้.. หมายเหตุ!!!! ต้องเป็นเรื่องที่ใกล้เคียงกับที่เลือกอันแรกด้วยนะ เช่นในที่นี้จะเลือก… ไม่ชอบกินทุเรียน แค่ได้กลิ่นก็ต้องเบือนหน้านี้แล้ว

ขั้นต่อมา.. เพ่งสมาธิ นึกถึงตอนที่เรากินข้าวขาหมู รายละเอียด ภาพ เสียง สัมผัส ในตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ให้บันทึกไว้ตามหัวข้อใน Submodality Checklist จากนั้น ทำอย่างเดียวกันกับทุเรียนบ้าง โดยก่อนจะเปลี่ยนมาทำ ให้เบนความสนใจของจิตเราจากข้าวหมูก่อน โดยวิธีง่ายๆคือคำนวณเลขง่ายๆ

มาถึงขั้นที่สำคัญ คือ เราจะเปลี่ยนข้าวขาหมูให้กลายเป็นทุเรียน!! โดยก่อนอื่น เพ่งสมาธิ นึกถึงตอนที่เรากินข้าวขาหมู ปรับรายละเอียดของข้าวขาหมู ให้เหมือนกับทุเรียน ตาม Submodality Checklist ที่เราบันทึกไว้ แค่เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เราเกลียดข้าวขาหมูมากขึ้น! จริงหรือไม่อย่างไร ก็ขอฝากให้ไปลองทำกันดูนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น